ในการก่อผนังมีขั้นตอนสำคัญนั่นก็คือ การฉาบปูนและการฉาบปูน หากทำตามวิธีการที่ถูกต้องหรือใช้เทคนิคพิเศษเข้ามาช่วย ผนังที่ได้ก็จะเรียบสวย เกาะแน่น ทนทานไม่แตกร้าว
7 เทคนิคการฉาบ มีอะไรบ้าง?
1.หลังการก่อผนัง 4 ชั่วโมง เมื่อปูนก่อเซตตัวเสร็จให้ทำการบ่มด้วยการรดน้ำผนัง เพื่อให้ปูนก่อมีน้ำเพียงพอและแข็งแรง โดยรดน้ำบ่มผนังต่อ 3-5 วัน วันละ 1 ครั้ง และต้องรอผนังก่อเซตตัวอย่างน้อย 7 วันก่อนทำการฉาบ
2.ตรวจสอบผนัง ว่ามีส่วนไหนขาดหรือเกินและอิฐยึดเกาะกันดี ไม่โอนเอนเคลื่อนไหวได้ หากพบว่าไม่ปกติให้รีบทำการแก้ไขก่อนลงมือฉาบปูน
3.ทำการจับเซี้ยม จับปุ่ม ก่อนการฉาบ เพื่อฉาบให้ได้ระดับและความหนาที่เหมาะสม
4.ต้องติดเหล็กตะแกรงกรงไก่ตรงผนังเปิด เช่น หน้าต่าง ประตู ผนังชนกับเสาวงกบ มุมเสา เต้าเสาขอบประตู โดยเฉพาะมุมหน้าต่าง มุมประตูที่โอกาสฉีกร้าวสูง ช่วงรอยต่อของวัสดุต่างชนิด เช่น ระหว่างส่วนก่ออิฐกับเสาเอ็นและคานทับหลังหรือร่องเดินท่อเดินสายไฟ เพื่อลดโอกาสแตกร้าวจากการยืดหดตัวของปูน
5.ก่อนทำการฉาบ 1 วัน ต้องทำความสะอาดผิวผนังให้สะอาดและรดน้ำผนังในช่วงเย็น ส่วนในช่วงเช้าให้รดน้ำผนังก่อนฉาบ รอจนผนังหมาดก่อนจึงเริ่มทำการฉาบ ห้ามฉาบขณะที่ผนังยังเปียกน้ำเพราะจะทำให้ปูนไม่ยึดเกาะกับผนัง
6.ควรฉาบปูนหนาไม่เกิน 1.5 เซนติเมตร แต่ถ้าจำเป็นต้องฉาบหนากว่านี้ ให้แบ่งการฉาบเป็นชั้น ๆ
โดยรอให้ชั้นแรกแข็งและหดตัวเต็มที่ก่อน จากนั้นจึงฉาบชั้นต่อไป
7.หลังฉาบเสร็จและปูนฉาบแข็งตัวดีแล้ว ควรรดน้ำผนังต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3–7 วัน
เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ผนัง และยังป้องกันปัญหาผนังแตกร้าวอีกด้วย ถ้าหากอากาศร้อน แดดจัด หรือมีลมพัดแรง จนทำให้ผนังเสียน้ำเร็วเกินไป ควรรดน้ำเพิ่มเป็น 2-3 ครั้งต่อวัน และเพิ่มระยะเวลาการรดน้ำออกไปอีก
หรือใช้ผ้าใบหรือสแลนกันแดด มาบังแดด บังลม เพื่อลดการเสียน้ำ
ในการก่อผนังโดยใช้อิฐมวลเบา CLC DCON ก็สามารถนำเทคนิคต่างๆเหล่านี้มาใช้ในการฉาบได้
อิฐมวลเบา CLC DCON สามารถเลือกใช้ปูนทรายธรรมดาหรือปูนฉาบมวลเบามาทำการฉาบก็ได้